กลยุทธ์ที่ 4: สร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในตลาดกระทิง (Bull Market)

การสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในตลาดกระทิง (bull market) สามารถทำได้โดยการถือ long position และ leverage ในบทความนี้ เราจะแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ต่างๆในการทำ leveraged yield farming แต่ก่อนที่จะเข้าใจความสำคัญของ leveraged yield farming เราควรจะศึกษาเกี่ยวกับ leveraged trading ก่อน

ข้อได้เปรียบของ Leveraged Yield Farming ที่มีมากกว่า Leveraged Trading ทั่วไป

ถ้าหากว่าผู้ลงทุนมั่นใจในขาขึ้นของราคาสินทรัพย์ ส่วนใหญ่ผู้ลงทุนจะ leverage ผลตอบแทนให้เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่นการเทรด margin ซึ่งผู้ลงทุนสามารถกู้เงินเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มโดนใช้เงินลงทุนตั้งต้นเป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน ผู้ลงทุนใน crypto ก็สามารถซื้อสัญญา perpetual (perp) ได้ใน CEXs ซึ่งจะเป็นการเพิ่มผลตอบแทนให้ position โดยการใช้สินทรัพย์ crypto ในการเป็นหลักประกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณซื้อ perp คุณจะไม่สามารถถอนหลักประกันของคุณออกมาจาก CEXs ได้ ซึ่งหมายความว่าคุณจะเสียโอกาสในการ farm ที่อาจให้ผลตอบแททนคุณเพิ่มอีก 30-100% ในสินทรัพย์เหล่านี้จาก DEX และ lending protocol มากมายใน DeFi โดยสิ่งที่คุณเสียคือดอกเบี้ยการกู้

นักลงทุนสามารถเพิ่มผลตอบแทนโดย leveraged yield farming (LYF) โดยการกู้เพื่อ leverage positiom และสร้างผลตอบแทนจากทุนและสินทรัพย์ที่กู้มา ซึ่งสร้างประสิทธิภาพในเงินทุนมากกว่า leveraged trading แบบปกติมากมาย โดยการ LYF จริงๆแล้วจะคล้ายกับการฟาร์มบนคู่เหรียญบน DEX แต่คุณสามารถกู้เพื่อเพิ่มขนาดของ position ของคุณได้

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถฝาก ETH มูลค่า $10,000 เพื่อกู้ USDT มูลค่า $20,000 ได้ (3x leverage) และฟาร์มใน position ที่ประกอบไปด้วย $15,000 ETH และ $15,000 USDT โดยการคลิกเพียงครั้งเดียวบน Alpaca Finance (เนื่องจาก Alpaca Finance จะทำการแลกเหรียญให้เกิดอัตราส่วน 50:50 ให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งในตัวอย่างนี้ เหรียญ USDT มูลค่า $5,000 ถูกเปลี่ยนไปเป็น ETH) จึงทำให้ผู้ใช้ได้รับ 1.5x leverage สำหรับ ETH เนื่องจากผู้ใช้ถือ ETH ที่มีมูลค่า $15,000 จากมูลค่าตั้งต้น $10,000 ที่ผู้ใช้มีในตอนแรก

นอกเหนือจากการมี 1.5x leverage long บน ETH แล้ว ผู้ใช้จะได้รับ 42% APY จากมูลค่าตั้งต้น $10,000 ซึ่งเ็นผลจากการได้ผลตอบแทนที่มากกว่าจาก leveraged farming position 3x ซึ่งถ้าเกิดว่าราคาของ ETH สูงขึ้น ผู้ใช้จะได้ทั้งผลตอบแทนจากราคาของ ETH ที่มากขึ้น และได้ผลตอบแทนจากการฟาร์มที่มากขึ้นด้วย

มากไปกว่านั้น ถ้าหากเปรียบเทียบกับ perpetual ซึ่งมีดอกเบี้ยการกู้อยู่ที่ 20-100% APR การกู้บน leveraged yield farming มีดอกเบี้ยการกู้ที่น้อยกว่าเพียง 10-20% APR

ข้อได้เปรียบเหล่านี้ทำให้ leveraged yield farming เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างผลตอบแทนอย่างมหาศาลในตลาดกระทิง

ข้อมูลพื้นฐานของ Leveraged Yield Farming

ถ้าหากคุณคุ้นเคยกับ leveraged yield farming และ long/short ใน Alpaca Finance อยู่แล้ว คุณสามารถข้ามส่วนนี้ไปได้

ก่อนที่เราจะอธิบายวิธีการสร้าง leveraged long position บน Alpaca Finance เราอยากให้คุณเข้าใจเรื่อง short/long exposure ของทรัพย์สินของคุณเนื่องจากการเปิด LYF position เสียก่อน (ถ้าหากว่าคุณยังไม่รู้ว่าการ short คืออะไร สามารถอ่านบทความได้ที่นี่)

การคำนวณ exposure ตั้งต้นของทรัพย์สินของคุณนั้น ง่ายมาก โดยคุณจะมี long exposure บนเหรียญที่คุณใช้เปิด position และมี short exposure บนเหรียญที่คุณกู้ โดย exposure สุทธิคือผลรวมของ exposure ทั้งสอง

เมื่อคุณเปิด position บน Alpaca คุณสามารถดู Debt Value หรือมูลค่าที่คุณกู้มา ในหน้า Portfolio

ถ้าหากคุณชี้บน Position Value คุณจะเห็นการกระจายมูลค่าต่างๆใน position ของคุณ ซึ่งรวมถึง exposure

จากตัวอย่างข้างบน เมื่อคุณนำ Debt Value 3.13 BNB มาลบด้วย BNB ใน position ของคุณซึ่งมีค่า 2.60 คุณจะได้ค่า short exposure -0.522 (0.008 ที่หายไป เกิดจากการคำนวณค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเหรียญที่ต้องใช้เมื่อทำการปิด position)

เหรียญที่คุณฝากไม่มีผลต่อ exposure ในการคำนวณ net exposure นั้น สิ่งที่มีผลคือ 1) ปริมาณเหรียญตั้งต้นใน position และ 2) ปริมาณเหรียญที่คุณกู้

อย่างไรก็ตาม เหรียญที่คุณฝาก จะมีผลในเรื่องของการประหยัดค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเหรียญ เนื่องจาก Alpaca จะทำให้ทรัพย์สินของคุณมีอัตรา 50:50 เสมอในการเปิด position ซึ่งถ้าหากคุณเปิด position มากกว่า 2x คุณสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนเหรียญได้โดยการฝากเหรียญที่คุณไม่ได้กู้ (สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้)

วิธีการเปิด Leveraged Long Farming Position

ถ้าหากคุณมั่นใจว่าราคาของทรัพย์สินจะขึ้น เช่น ETH คุณสามารถเปิด leveraged long position ของ ETH โดยการฟาร์มบน:

1) ETH-stablecoin ฟาร์ม โดยกู้ stablecoin และเลือกมากกว่า 2x leverage หรือ

2) ETH-cryptoToken ฟาร์ม โดยกู้ เหรียญคริปโตอีกเหรียญหนึ่ง และเลือกมากกว่า 2x leverage

เรามีตัวอย่างของแต่ละกรณีข้างล่าง

เปิด position ของ ETH-stablecoin ฟาร์ม โดยกู้ stablecoin และเลือกมากกว่า 2x leverage

ต่อจากตัวอย่างข้างต้น คุณสามารถเปิด position การฟาร์ม ETH-USDT โดยการฝากเหรียญมูลค่า $10,000 และเลือก 3x leverage เพื่อกู้ USDT มูลค่า $20,000 โดย Alpaca Finance จะเปลี่ยนทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในอัตราส่วน 50:50 ซึ่งประกอบด้วย $15,000 ETH + $15,000 USDT โดยการคำนวณ exposure สุทธิสามารถทำได้โดยการรวม exposure ของ long และ short (คุณจะมี long ในเหรียญที่คุณฟาร์ม และมี short ในเหรียญที่คุณกู้):

  • Long $15,000 ETH ⇐ เหรียญที่ฟาร์ม

  • Long $15,000 USDT ⇐ เหรียญที่ฟาร์ม

  • Short $20,000 USDT ⇐ เหรียญที่กู้

ดังนั้น exposure สุทธิของคุณคือ long $15,000 ETH (การ long หรือ short stablecoin ไม่มีผลอะไร) คุณมี leverage 1.5x เมื่อเทียบกับทรัพย์สินตั้งต้นที่คุณมี $10,000 ETH นอกเหนือจากนั้น คุณยังได้ 3x ของผลตอบแทนในการฟาร์ม

เปิด position ของ ETH-cryptoToken ฟาร์ม โดยกู้ เหรียญคริปโตอีกเหรียญหนึ่ง และเลือกมากกว่า 2x leverage

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถฟาร์มคู่เหรียญ ETH-BNB โดยฝากเหรียญมูลค่า $10,000 และเลือก 3x leverage เพื่อกู้ BNB มูลค่า $20,000 โดย Alpaca Finance จะเปลี่ยนทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในอัตราส่วน 50:50 ซึ่งประกอบด้วย $15,000 ETH + $15,000 BNB โดยจะมี exposure ดังนี้

  • Long $15,000 ETH ⇐ เหรียญที่ฟาร์ม

  • Long $15,000 BNB ⇐ เหรียญที่ฟาร์ม

  • Short $20,000 BNB ⇐ เหรียญที่กู้

ดังนั้น exposure สุทธิของคุณคือ long $15,000 ETH และ short $5000 BNB โดยเมื่อคุณฟาร์มมากกว่า 2x leverage คุณจะมี short exposure เล็กน้อยในทรัพย์สินที่คุณกู้มา ส่วนสำหรับ ETH คุณจะมี 1.5x long exposure เมื่อเทียบกับทรัพย์สินตั้งต้นของคุณมูลค่า $10,000 ETH นอกเหนือจากนั้น คุณยังได้ 3x ของผลตอบแทนในการฟาร์ม ซึ่งมีมูลค่าสูงสำหรับคู่เหรียญที่ไม่ใช่ stablecoins

ถ้าจะให้ position นี้มีผลตอบแทนสูงกว่าการฟาร์ม ETH-USDT คุณต้องมีเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:

  1. APY ของ ETH-BNB สูงกว่า ETH-USDT.

  2. คุณต้องเชื่อว่าราคาของ BNB จะลดลง (เนื่องจากคุณ short ใน BNB)

การทำให้เกิดกำไรตลอดช่วงเวลาการฟาร์ม

Exposure ตั้งต้นของคุณจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามช่วงเวลา เพราะว่าการที่ราคาเหรียญมีการเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนของ LP tokens ใน position ของคุณ ทำให้คุณมีการ long หรือ short มากขึ้นหรือลดลง ตัวอย่างเช่น เมื่อราคาของ ETH เพิ่มขึ้น position ของคุณ จะมีจำนวน ETH น้อยลง (เนื่องจาก AMM เช่น PancakeSwap จะมีการปรับสมดุลของทรัพย์สินของคุณ อ่านบทความเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่) เช่นเดียวกัน เมื่อราคาของ ETH ลดลง position ของคุณจะมีจำนวน ETH มากขึ้น

การติดตาม exposure ของคุณในระยะเวลาการฟาร์มอาจจะซับซ้อนเล็กน้อย แต่เนื่องจากเราได้มีการแสดงให้เห็นใน ข้อมูลพื้นฐานของ Leveraged Yield Farming ว่าคุณสามารถชี้ที่ “Position Value” ในหน้า Portfolio เพื่อดู real-time long และ short exposures ที่คุณมีอยู่ได้ตลอดเวลา

คุณจะได้กำไร หรือขาดทุนเท่าไหร่ เมื่อราคาของเหรียญมีการเปลี่ยนแปลง?

เราได้แสดงกราฟที่แสดงการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของทรัพย์สินใน position ของคุณ (Equity Value - มูลค่าของทรัพย์สินที่คุณเป็นเจ้าของ ซึ่งคุณจะได้รับเมื่อปิด position) เทียบกับการเปลี่ยนแปลงราคาของทรัพย์สินที่คุณกู้ (USDT or BNB) และไม่ได้กู้ (ETH) โดยจำลอง position แบบ 3x leverage เหมือนในตัวอย่างข้างต้น

ในกราฟนี้ คุณจะเห็นได้ว่าคุณสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าการถือเหรียญอยู่เฉยๆ ถ้าคุณมีการทำ leveraged farming เมื่อราคาของทรัพย์สินที่คุณไม่ได้กู้ (long exposure) สูงขึ้น หรือว่าไม่เปลี่ยนแปลง และคุณยังสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าในครึ่งหนึ่งของกรณีที่เป็นได้ทั้งหมดถ้าหากราคาของทรัพย์สินนั้นลดลง (-20% ในเส้นสีเขียว และ -40% ในเส้นสีน้ำเงิน) ซึ่งก็คือคุณสามารถทำกำไรจาก leveraged yield farming ได้มากกว่าในกรณีส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้น

ข้อสังเกตเบื้องต้น:

  • เส้นประสีดำ แสดงมูลค่าของทรัพย์สินของคุณถ้าหากคุณถือ ETH อยู่เฉยๆ ถ้าหากราคาของ ETH ขึ้น มูลค่าทรัพย์สินของคุณก็จะขึ้นตามเป็นเส้นตรง

  • ถ้าหากทรัพย์สินที่คุณกู้มาไม่มีการเปลี่ยนแปลงในราคา (เช่นการกู้ stablecoins) ก) ถ้าเกิดไม่ได้คิดถึงผลตอบแทนที่ได้ ทรัพย์สินของคุณจะเป็นเหมือนเส้นทึบสีดำ เมื่อราคาของ ETH เพิ่มขึ้น มูลค่าทรัพย์สินของคุณจะเพิ่มขึ้นมากกว่าการถือทรัพย์สินเฉยๆอย่างเห็นได้ชัดเพราะว่า ETH exposure ถูก leveraged 1.5x และ ข) ถ้าคำนึงถึงผลตอบแทนจากการฟาร์มด้วย 3x leverage (เส้นสีเขียว)มูลค่าทรัพย์สินของคุณจะสูงขึ้นไปอีก

  • ถ้าหากทรัพย์สินที่กู้มามีราคาเปลี่ยนไป (เช่นการกู้ BNB) เส้นกราฟจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากคุณมี short exposure เล็กน้อยใน BNB ถ้าราคา BNB ลดลง (เส้นสีแดง) ทรัพย์สินของคุณจะมีค่ามากขึ้น แต่ถ้าราคาของ BNB ลดลง (เส้นสีน้ำเงิน) ทรัพย์สินของคุณจะมีค่าน้อยลง

  • เมื่อราคา ETH (ทรัพย์สินที่ไม่ได้กู้มา) เพิ่มขึ้น ~60% จะไม่มีความต่างมากระหว่างการกู้ stablecoin หรือเหรียญคริปโตอื่นๆ เพราะว่าเมื่อราคาของ ETH เพิ่มขึ้น position ของคุณจะมีจำนวน ETH น้อยลง และมีเหรียญอีกฝั่งมากขึ้น ทำให้ผลของการ short ของเหรียญอีกฝั่งน้อยน้อยลง

  • ที่ 3x leverage อัตราส่วนของทรัพย์สินที่คุณไม่ได้กู้ เทียบกับทรัพย์สินที่คุณกู้มา (ETH/BUSD หรือ ETH/BNB) จะต้องมีค่าน้อยลงถึง 36% ก่อนที่คุณจะถูกบังคับขาย position (ในกรณีที่ Liquidation Threshold เป็น 83.3%) เมื่อมีการ leverage มากกว่า 2x จะต้องระมัดระวังในกรณีที่ราคาของทรัพย์สินที่ไม่ได้กู้ลดลง ในขณะที่ราคาของทรัพย์สินที่กู้เพิ่มขึ้น เนื่องจากจะเกิดความเสี่ยงในการบังขับขาย position เพื่อใช้หนี้ (liquidation) เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ Alpaca Academy Lesson 3.

  • คุณสามารถทดสอบการคำนวณต่างๆเหล่านี้ได้ใน Yield Farming Calculator.

*เส้นสีต่างๆเป็นการสมมุติกรณีที่ yield farming APR + trading fees APR ที่ 1x leverage มีค่าเป็น 25%, ดอกเบี้ยการกู้ APR เป็น 15%, รางวัลเหรียญ ALPACA มี APR เป็น 10%, และฟาร์มเป็นระยะเวลา 90วัน

สรุปแล้ว ถ้าหากคุณคิดว่าราคาของทรัพย์สินใดจะขึ้น (เช่น ETH) leveraged yield farming ด้วยทรัพย์สินนั้นจะสร้างกำไรได้มากกว่าการถือ หรือว่าการ yield farming ปกติ

โดยเมื่อคุณมี leveraged position คุณจะได้รับผลตอบแทนทวีคูณจากการฟาร์ม ซึ่งจะทำให้คุณได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาลเมื่อเวลาผ่านไป ถึงแม้ว่าทรัพย์สินของคุณจะมีราคาเท่าเดิม หรือราคาลดลง

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การทำ leveraged yield farming คือกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณในตลาดกระทิง

Last updated